เป็นน้ำหมักชีวภาพที่ได้จากการดองเศษซากพืช ซากสัตว์ หรือสารอินทรีย์ชนิดต่างๆที่หาได้ในแคว้นด้วยจุลินทรีย์เจาะจง ซึ่งอาจหมักร่วมกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาล
ตามแต่จะเรียก เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้จากการดองเศษพืช หรือสัตว์ กับสารที่ให้ความหวาน จนถึงถูกเสื่อมสภาพโดยจุลินทรีย์ ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะได้สารละลายเข้มข้นสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์หลากหลายประเภท
แต่เดิมนั้นจุดมุ่งหมายของการคิดค้น น้ำหมักชีวภาพ ขึ้นมา เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ แม้กระนั้นตอนหลังก็มีการนำน้ำหมักชีวภาพ มาปรับใช้คุณประโยชน์ในด้านอื่นด้วยเหมือนกัน
กรรมวิธีหมักของน้ำหมักชีวภาพจะมีเหตุมาจากการเสื่อมสภาพสารอินทรีย์ด้วยจุลินทรีย์ โดยใช้กากน้ำตาล แล้วก็น้ำตาลจากสารอินทรีย์เป็นแหล่งพลังงาน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
เป็นการหมักด้วยจุลินทรีย์ประเภทที่อยากออกซิเจนสำหรับกรรมวิธีการสลายตัวสารอินทรีย์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน แล้วก็อาหารให้แก่เซลล์ การดองประเภทนี้จะเกิดน้อยในกรรมวิธีหมักน้ำหมักชีวภาพ รวมทั้งมักกำเนิดในระยะแรกของการหมัก แต่ว่าเมื่อออกซิเจนในน้ำ และอากาศหมด จุลินทรีย์แบบใช้ออกซิเจนจะลดน้อยลง รวมทั้งหมดไปจนถึงเหลือเฉพาะการหมักจากจุลินทรีย์แบบไม่ใช้ออกซิเจน
เป็นการหมักด้วยจุลินทรีย์ชนิดที่ไม่ต้องการออกซิเจนสำหรับแนวทางการสลายตัวสารอินทรีย์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน และก็อาหารให้แก่เซลล์ การดองประเภทนี้จะกำเนิดเป็นส่วนมากในขั้นตอนหมักน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ คาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ส่วนพวกเมอเคปเทนแล้วก็ก๊าซซัลไฟด์ปลดปล่อยออกมาเล็กน้อย
วิธีการทำน้ำหมักชีวภาพจะเลือกใช้อุปกรณ์ใดสำหรับในการหมักนั้น ควรที่จะเลือกใช้วัสดุหมักที่สามารถหาได้ง่ายในครัวเรือน แปลงเกษตรของตนหรือหาได้ง่ายในท้องถิ่น ส่วนหัวเชื้อสามารถเลือกใช้สารเร่งพด.2 หรือ พด.6 ตามเป้าประสงค์สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์เป็นหลัก
หมักจากผักและผลไม้ จำนวน 50 ลิตร (หมัก 7 วัน)
– ผัก หรือผลไม้ 4 ส่วน ดังเช่น 40 กก.
– กากน้ำตาล 1 ส่วน เช่น 10 ลิตร
– น้ำ 1 ส่วน เป็นต้นว่า 10 ลิตร
– สารเร่ง พด.2 ปริมาณ 1 ซอง (25 กรัม) ใช้หมักได้ 50 ลิตร
หมักจากปลาหรือหอยเชอรี่ ปริมาณ 50 ลิตร (หมัก 224 ชั่วโมง)
– ปลา 3 ส่วน
– กากน้ำตาล 1 ส่วน
– ผลไม้ 1 ส่วน
– น้ำ 1 ส่วน
– สารเร่ง พด.6 หรือ พด.2 ปริมาณ 1 ซอง (25 กรัม)
ส่วนประกอบ
ฟักทอง 1 ผล (3-4 กิโลกรัม)
กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี
สัปปะรด 1 ลูก
มะละกอสุก 1 ลูก
กากน้ำตาล 1 ลิตร
น้ำดื่ม 20-30 ลิตร
ถังหมักขนาด 50 ลิตร
https://www.youtube.com/watch?v=zJlTSnFneXs
1.สับผลไม้แต่ละชนิดตามภาพ โดยไม่ต้องสับละเอียดมาก เพราะเหตุว่าจะก่อให้เวลากรองเอากากออกทำเป็นยาก
2.เอาผลไม้ที่สับเสร็จแล้วลงในถังหมักที่ได้เตรียมไว้
3.เพิ่มกากน้ำตาลและก็เพิ่มน้ำดื่มตามลงไป แล้วต่อจากนั้นกวนทั้งหมดทุกอย่างให้เหมาะเพื่อให้กากน้ำตาลละลายปิดฝาถัง
4.หมักในระยะเวลา 2 อาทิตย์ ให้มีการเปิดกวนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
5.หมักจนกระทั่งครบ 2 สัปดาห์แล้วกรองเอากากออกด้วยตะแกรง กรอกน้ำหมักผลไม้ที่ได้ใส่ขวดหรือแกนลอนปิดฝาให้มิดชิด จากนี้ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย หากขวดหรือแกนลอนมีแก๊ส ให้หมั่นระบายแก๊สออกเดือนละ 1-2 ครั้ง
การหมักดองควรใช้ถังแบบมีฝาปิดมิดชิด ด้วยเหตุว่าอาจมีเแมลงวันลงไปไข่ใส่จนทำให้มีหนอนได้ ส่วนการปรับแต่งสำหรับผมคือ หาเทปใสพันฝาถังโดยรอบ
การใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสมในตัวหมักจะก่อให้ได้น้ำหมักที่มีสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าหากหมักด้วยอินทรีย์วัตถุเพียงอย่างเดียวจะได้น้ำหมักเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือตามสีของวัตถุที่เติมลงหมัก
น้ำหมักชีวภาพแบ่งตามจำพวกวัตถุดิบที่ใช้หมัก 3 จำพวก คือ
1. น้ำหมักชีวภาพจากพืช แบ่งเป็น 2 ชนิด เป็น
– ประเภทที่ใช้ผัก และก็เศษพืช เป็นน้ำหมักที่ได้จากเศษพืช เศษผักจากแปลงเกษตรข้างหลังการเก็บ และก็คัดผลิตผล น้ำหมักที่ได้มีลักษณะเป็นน้ำข้นสีน้ำตาล มีกลิ่นหอม ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน กรดแลคติค รวมทั้งฮอร์โมนเอนไซม์
– ประเภทที่ใช้ขยะเปียก เป็นน้ำหมักที่ได้จากขยะในครัวเรือน เป็นต้นว่า เศษอาหาร เศษผักผลไม้ น้ำหมักที่ได้มีลักษณะข้นสีน้ำตาลจางกว่าชนิดแรก และก็มีกลิ่นหอมหวนน้อยกว่า บางครั้งบางคราวอาจมีกลิ่นเหม็นบ้างนิดหน่อย ต้องใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
2. น้ำหมักชีวภาพจากสัตว์
เป็นน้ำหมักที่ได้จากเศษเนื้อต่างๆอาทิเช่น เนื้อปลา เนื้อหอย เป็นต้น น้ำหมักที่ได้จะมีสีน้ำตาลเข้ม มักมีกลิ่นเหม็นมากยิ่งกว่าน้ำหมักที่ได้จากวัตถุหมักอื่น จำต้องใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสม
3. น้ำหมักชีวภาพผสม
เป็นน้ำหมักที่ได้จาการหมักพืช แล้วก็เนื้อสัตว์รวมกัน โดยมากมักเป็นแหล่งที่ได้จากเศษอาหารในครัวเรือนเป็นหลัก
1. น้ำหมักชีวภาพมีลักษณะสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้มใส ไม่ขุ่นดำ น้ำหมักจะอยู่ส่วนบน ส่วนกากจะตกลงข้างล่าง
2. น้ำหมักชีวภาพไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า แต่จะมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนสุราหมักหรือมีกลิ่นของกากน้ำตาล
และก็กลิ่นเหม็นเปรี้ยว
3. น้ำหมักชีวภาพต้องมีฟองก๊าซหรือเปล่ามีฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถ้ามีการหมักวัสดุจนถึงหมดแล้ว
4. น้ำหมักชีวภาพจะมีค่าความเป็นกรด-ด่าง โดยประมาณ 3-4
https://www.youtube.com/watch?v=L2Q8ceJFNeg
1. มีฮอร์โมนที่นำมาใช้ต่อการเติบโตของพืชหลายประเภท ดังเช่นว่า ออกสิน ไซโตตไคนิน แล้วก็จิบเบอร์เรลลิน
2. กรดอินทรีย์จำพวกต่างๆอย่างเช่น กรดอะซีติเตียนก กรดแลคติก กรดอะมิโน แล้วก็กรดฮิวมิก
3. มีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอ รวมทั้งอื่นๆขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์หมัก
4. มีความเป็นกรดที่ pH ราว 3-4
https://www.youtube.com/watch?v=HheRCUVpmK0
ด้านการกสิกรรม น้ำหมักชีวภาพ มีธาตุอาหารสำคัญ ทั้งยังไนโตรเจน ธาตุฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม กำมะถัน อื่นๆอีกมากมาย ก็เลยสามารถนำไปเป็นปุ๋ย เร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มคุณภาพของผลิตผลให้ดียิ่งขึ้น แล้วก็ยังสามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืชได้ด้วย
– ใช้ เครื่องพ่นยา ฉีดพ่นหรือเพิ่มเติมในดินหรือน้ำ ช่วยปรับให้ภาวะความเป็นกรด-ด่าง ในดิน แล้วก็น้ำ
– ใช้เพิ่มในดิน ช่วยปรับให้สภาพส่วนประกอบของดิน ทำให้ดินร่วนซุย ซับน้ำได้ดี แล้วก็ช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ในดิน และน้ำ
– ช่วยเพิ่มอัตราการสลายตัวสารอินทรีย์ในดิน และก็น้ำ
– ใช้รดต้นพืชหรือแช่เมล็ดพันธุ์ ท่อนชนิดเพื่อเร่งการเกิดราก และก็การเติบโตของพืช
– เป็นสารที่ทำหน้าที่ราวกับฮอร์โมนพืช กระตุ้นการเกิดราก และก็การเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิต และก็ประสิทธิภาพสูงขึ้น
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงเกษตร ช่วยต่อต้านแมลงศัตรูพืช รวมทั้งลดจำนวนแมลงศัตรูพืช
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงผัก ผลไม้ หรือผลผลิตต่างๆเพื่อคุ้มครองปกป้องการทำลายผลผลิตของแมลง
ด้านปศุสัตว์ สามารถช่วยดับกลิ่นเหม็น น้ำเสียจากฟาร์มสัตว์ได้ ช่วยคุ้มครองโรคระบาดต่างๆในสัตว์แทนการ ใช้ยาปฏิชีวนะ ทำให้สัตว์แข็งแรง มีความต้านทานโรค ช่วยกำจัดแมลงวัน ฯลฯ
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นดินในฟาร์มเพื่อลดกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ ซากพืช ซากสัตว์ในฟาร์ม
– ใช้เพิ่มในน้ำเสียเพื่อกำจัดน้ำเสียด้วยการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์สำหรับเพื่อการย่อยสารอินทรีย์ในน้ำเสีย
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นหรือตัวสัตว์เพื่อคุ้มครอง รวมทั้งลดปริมาณของจุลินทรีย์ก่อโทษ แล้วก็เชื้อโรคต่างๆ
– ช่วยคุ้มครองป้องกันแมลงวัน และก็การเจริญเติบโตของหนอนแมลงต่างๆ
– ใช้ผสมอาหารสัตว์พวกหญ้าเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ในกระเพาะสัตว์บดเอื้อง
– ใช้หมักหญ้า ฟางข้าวหรือหญ้าอาหารสัตว์เพื่อเกิดการย่อยง่าย
ด้านการประมง ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยแก้ไขปัญหาโรคพยาธิในน้ำ ช่วยรักษาโรคแผลต่างๆในปลา กบ จระเข้ได้ ช่วยลดจำนวนขี้เลนในบ่อ ช่วยทำให้เลนไม่เน่า ใช้ในด้านการประมงมักใช้น้ำหมักชีวภาพเพิ่มในบ่อเลี้ยงปลาเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆคือ
– เพื่อปรับความเป็นกรด-ด่าง
– เพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สำหรับเพื่อการสลายตัวสิ่งสกปรกในบ่อปลา
– เพื่อต้านทาน และก็ลดปริมาณเชื้อโรคที่ก่อโทษในสัตว์น้ำ
– เพื่อรักษาแผลของสัตว์น้ำ
– ช่วยลดจำนวนขี้เลนในบ่อ ด้วยการช่วยเสื่อมสภาพสิ่งเน่าเหม็นด้านล่างบ่อ
ด้านสภาพแวดล้อม น้ำหมักชีวภาพ สามารถช่วยบำบัดน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน รวมทั้งสถานประกอบการทั่วไป แถมยังช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะ การเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งชุมชนต่างๆยิ่งกว่านั้นยังช่วยทำให้ลักษณะอากาศที่เสียให้มีชีวิตชีวา รวมทั้งมีสภาพดีขึ้น
– ใช้เติมในระบบบำบัดรักษาน้ำเสียจากการกสิกรรม ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม และก็ชุมชน
– ใช้เพิ่มในบ่อขยะ ช่วยในการย่อยสลายขยะ แล้วก็กำจัดกลิ่นเหม็น
– ใช้ปรับสภาพของเสียจากครอบครัวก้่อนเอาไปใช้ผลดีสำหรับการเกษตร
เราสามารถนำน้ำหมักชีวภาพ มาใช้ในลัษณะของการซักล้างชำระล้างแทน สบู่ แฟ้บ แชมพู น้ำยาที่เอาไว้สำหรับล้างจาน รวมถึงใช้กำจัดกลิ่นในห้องสุขา โถส้วม ท่อที่มีไว้ระบายน้ำ ฯลฯ ได้ด้วย
น้ำหมักชีวภาพ สามารถนำมาใช้ผลดีสำหรับในการชะล้างได้ โดยมีสูตรให้นำผลไม้ เปลือกผลไม้ (ฝักส้มป่อย , มะคำดีควาย , มะนาว อื่นๆอีกมากมาย) 3 ส่วน น้ำตาลหรือน้ำตาลอ้อย 1 ส่วน แล้วก็น้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด โดยให้เหลือช่องว่างไว้ราวๆ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง แล้วหมั่นเปิดฝาคลายแก๊สออก โดยจำต้องวางไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงอาทิตย์ หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพ สำหรับซักผ้า หรือล้างถ้วยชามได้ ซึ่งสูตรนี้ถึงแม้ผ้าจะมีราขึ้น แม้นำผ้าไปแช่ทิ้งเอาไว้ภายในน้ำหมักชีวภาพก็จะสามารถซักออกได้
https://www.youtube.com/watch?v=bKej8ikmCY8
สูตรหนึ่งของวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพมาดับกลิ่นเป็นใช้เศษอาหาร ผัก ผลไม้ที่เหลือทิ้ง 3 ส่วน กากน้ำตาลหรือโมลาส 1 ส่วน แล้วก็น้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด โดยให้เหลือช่องว่างไว้ราวๆ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพใช้ดับกลิ่นในส้วม โถส้วม ท่อที่มีไว้สำหรับระบายน้ำ กลิ่นฉี่หมา อื่นๆอีกมากมาย ได้อย่างดี
1. แม้ใช้น้ำหมักชีวภาพกับพืชใช่ร่วมกับ เครื่องพ่นยา ต้องใช้ปริมาณเจือจาง เนื่องจากว่าแม้ความเข้มข้นสูงเกินความจำเป็น อาจจะทำให้พืชหยุดการเติบโต และก็ตายได้
2. ระหว่างหมัก จะกำเนิดก๊าสต่างๆในภาชนะ ดังนั้นจำเป็นต้องหมั่นเปิดฝาออก เพื่อระบายก๊าซ แล้วปิดฝากลับให้สนิทโดยทันที
3. ถ้าใช้น้ำประปาสำหรับในการหมัก จำต้องต้มให้สุก เพื่อไล่คลอรีนออกไปก่อน เนื่องจากว่าคลอรีนอาจทำให้เป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ที่ใช้สำหรับเพื่อการหมัก
4. พืชบางชนิด อย่างเช่น เปลือกส้ม ไม่เหมาะสมสำหรับการทำน้ำหมักชีวภาพ เนื่องจากว่าน้ำมันที่ฉาบผิวเปลือกส้มเป็นพิษต่อจุลินทรีย์
https://www.youtube.com/watch?v=tLsiH4YcCHk
ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของกินแล้วก็ยา และจำเป็นต้องไตร่ตรองความน่านับถือของผู้สร้าง แหล่งผลิต และก็บรรจุภัณฑ์หีบห่อด้วย แม้กระนั้นหากว่าจะนำ น้ำหมักชีวภาพ มาใช้ในครอบครัว หรือการกสิกรรม ลองทำง่ายๆด้วยตัวเอง ก็จะไม่มีอันตรายและออมที่สุด